วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การสะตุ

1. การสะตุ

การ สะตุ คือ การทำให้ตัวยามีฤทธิ์อ่อนลง หรือ ทำให้พิษของตัวยาน้อยลง หรือทำให้ตัวยานั้นสะอาดขึ้น หรือทำให้ตัวยานั้นสะอาดปราศจากเชื้อโรค หรือ ทำให้ตัวยานั้นสลายตัวลง เช่น เกลือเมื่อสะตุแล้ว จะละเอียดลง ผสมยาง่ายขึ้น และฤทธิ์อ่อนลง เป็นต้น

1. การสะตุเหล็ก เอาเหล็กมากร่างด้วยตะไบ นำผงเหล็กที่ได้ มาใส่ในฝาละมี หรือหม้อดิน บีบน้ำมะนาวลงไปให้ท่วมผงเหล็ก เอาขึ้นตั้งไฟให้แห้ง ทำให้ได้ 7-8 ครั้ง จนผงเหล็กกรอบดีแล้ว จึงนำไปปรุงยา

2. การสะตุสารส้ม เอาสารส้มมาบดให้ละเอียด นำมาใส่หม้อดิน เอาตั้งไฟจนสารส้มละลายฟูขาวดีแล้วยกลงจากไฟนำมาใช้เป็นยาได้

3. การสะตุรงทอง เอารงทองมาบดให้ละเอียดแล้วห่อด้วยใบบัว หรือใบข่า 7 ชั้นนำไปปิ้งไฟจนสุกกรอบดี จึงนำไปใช้ปรุงยาได้

4. การสะตุมหาหิงคุ์ นำมหาหิงคุ์มาใส่ภาชนะไว้ เอาใบกะเพราแดงใส่น้ำต้มเดือดเทน้ำใบกะเพราแดง ต้มร้อน ๆ เทลงละลายมหาหิงคุ์ แล้วนำมากรองให้สะอาด จึงใช้ได้

5. การสะตุดินสอพอง นำดินสอพองใส่หม้อดินปิดฝาสุมไฟจนสุกดีแล้วจึงนำมาใช้(สะตุดินสอพองเพื่อให้ สุกสะอาดปราศจากเชื้อโรค)

6. การสะตุน้ำประสานทอง เอาน้ำประสานทองใส่หม้อดิน ตั้งไฟจนละลายฟูขาวทั่วกันดีแล้ว ยกลงจากไฟ นำไปใช้ปรุงยาได้

7. การสะตุเปลือกหอย นำเปลือกหอยใส่ในหม้อดิน ตั้งไฟจนเปลือกหอยนั้นสุกดีแล้วจึงยกลงจากไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาใช้ปรุงยาได้

8. การสะตุหัวนกแร้ง หัวนกกา หนัง กระดูก กีบ ไส้เดือน หรืออวัยวะของสัตว์ที่ไม่มีพิษต่าง ๆ นำสิ่งที่จะสะตุ ใส่ในหม้อดินปิดฝา ยกขึ้นตั้งไฟจนกรอบดีแล้วจึงยกลงจากไฟ นำมาใช้ปรุงยาได้

9. การสะตุหรือฆ่า หัวงูเห่า หัวงูทับทาง อวัยวะของสัตว์ที่มีพิษ นำสิ่งที่จะสะตุใส่ลงในหม้อดินปิดฝาให้สนิท ยาแนวด้วยดินสอพองผสมน้ำพอข้น สุมด้วยไฟแกลบ หรือถ่านไว้ตลอดคืน จึงนำออกมาใช้ปรุงเป็นยาได้

10. การสะตุยาดำ นำยาดำใส่ในหม้อดิน เติมน้ำเล็กน้อย ยกขึ้นตั้งไฟจนยาดำนั้นกรอบดีแล้วจึงนำไปใช้ปรุงยา


2. การประสะ

ประสะ มีความหมายดังนี้

1. การทำให้พิษของตัวยาอ่อนลง เช่น การประสะยางสลัดใด เป็นต้น

2. การทำความสะอาดตัวยา เช่น ล้างเอาสิ่งสกปรกออก ล้างเอาดินออก

3. ตัวยานั้นมีจำนวนเท่ายาทั้งหลาย เช่น ยาประสะกะเพรา ใส่ใบกะเพราหนักเท่าตัวยาอื่น ๆ ทั้งหมดรวมกัน เป็นต้น

4. ใช้ในชื่อของยาที่กระทำให้บริสุทธิ์ เช่น ยาประสะน้ำนม เป็นยาที่ช่วยทำให้น้ำนมมารดาบริสุทธิ์ ปราศจากโทษต่อทารก

การประสะยางสลัดใด ยางตาตุ่ม ยางหัวเข้าค่า

มีวิธีการทำเหมือนกันทั้ง 3 ชนิด คือ นำตัวยาที่จะประสะใส่ลงในถ้วย ใช้น้ำต้มเดือด ๆ เทลงไปในตัวยานั้น กวนจนน้ำเย็นแล้วเทน้ำทิ้งไปแล้วเทน้ำเดือดลงไปอีก กวนจนน้ำเย็น ทำอย่างนี้ ประมาณ 7 ครั้ง จนตัวยาสุกดีแล้วจึงนำไปปรุงยาได้


3. การฆ่าฤทธิ์ยา

คือ การทำให้พิษของตัวยาที่มีพิษมากหมดไป หรือเหลืออยู่น้อยจนไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ยา เช่น การฆ่าสารหนู ทำให้สารหนูที่มีพิษมากหมดพิษลงไป สามารถนำมาใช้ทำยาได้ เป็นต้น

1. การฆ่าสารหนู เอาสารหนูมาบดให้ละเอียด ใส่ในฝาละมีหรือหม้อดิน บีบน้ำมะนาวหรือน้ำมะกรูดลงไปให้ท่วมยา ตั้งไฟจนแห้ง ทำให้ได้ 7-8 ครั้ง จนสารหนูกรอบดีแล้วจึงนำมาใช้ทำยาได้ ให้นำภาชนะที่ใช้แล้วทุบทำลาย แล้วฝังดินให้เรียบร้อย (ปัจจุบัน ห้ามใช้ปรุงยาแผนโบราณ)

2. การฆ่าปรอท นำทองแดง ทองเหลือง หรือเงิน ใสไว้ในปรอท ให้ปรอทกินจนอิ่ม (ปรอทแทรกตัวไปในเนื้อโลหะนั้น ๆ เต็มที่) แล้วจึงนำไปใช้ทำยา นิยมทำยาต้ม (เป็นยาอันตราย)

3. การฆ่าลูกสลอด (บางตำราเรียกว่าการประสะลูกสลอด ยาที่มีฤทธิ์แรง ควรใช้คำว่าฆ่าฤทธิ์ยา) มีหลายวิธี เช่น
3.1. เอาลูกสลอดห่อรวมกับข้าวเปลือก ใส่เกลือพอควร นำไปใส่หม้อดินต้ม จนข้าวเปลือกแตกบานทั่วกัน เอาลูกสลอดมาล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง จึงนำไปปรุงยาได้
3.2. ปลอกเปลือกลูกสลอดออกให้หมด ล้างให้สะอาด ห่อผ้าใส่ในหม้อหุงกับข้าว กวนจนข้าวแห้ง ทำให้ได้ 3 ครั้ง แล้วเอาลูกสลอดมาคั่วด้วยน้ำปลาอย่างดีให้เกรียม นำไปห่อผ้าทับเอาน้ำมันออก จึงนำมาใช้ปรุงยาได้
3.3. เอาลูกสลอดแช่น้ำปลาร้าปากไหไว้ 1 คืน แล้วเอายัดใส่ในผลมะกรูด ใส่หม้อดินปิดฝา สุดด้วยไฟแกลบ เมื่อสุกดีแล้ว จึงนำไปใช้ปรุงยา พร้อมทั้งผลมะกรูด
3.4. เอาลูกสลอดต้มกับใบมะขาม 1 กำมือ ใบส้มป่อย 1 กำมือ เมื่อสุกดีแล้วจึงเอาเนื้อในลูกสลอดมาใช้ปรุงยา

4. การฆ่าชะมดเช็ด โดยหั่นหัวหอม หรือ ผิวมะกรูด ให้เป็นฝอยละเอียด ผสมกับชะมดเช็ด ใส่ลงบนใบพลู หรือช้อนเงิน นำไปลนไฟเทียน จนชะมดละลายนานพอสมควร หอมดีแล้ว จึงเกรองเอาน้ำชะมดเช็ดไปใช้ปรุงยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น